10/08/2009

"นิธิ" ชี้สังคมไทยแตกแยก หวั่นนองเลือด

"นิธิ" ชี้สังคมไทยแตกแยก หวั่นนองเลือดฆ่ากันเองโดยไร้เหตุผล

ที่สถาบันศศินทร์ ได้จัดประชุมทางวิชาการดุลยภาพของสถาบันกับการพัฒนาประชาธิปไตยโดยได้มีการเสวนาในหัวข้อ "เส้นทางสมดุลทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมไทย" ศาสตราจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการ กล่าวว่า ปัญหาความไม่สมดุลภายในสังคมไทยมีมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงในอดีต ทั้งการพัฒนาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 กระทั่งปัจจุบันที่เกิดปัญหาบาดหมาง แตกแยกมานานถึง 20 ปี ไม่ได้มาแตกแยกในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการแตกแยกถึงรากถึงโคน และทำให้เกิดปรากฏการณ์การแบ่งชนชั้นที่ต่างจากอดีตที่มีคนชนชั้นสูง ชนชั้นกลางและชนชั้นล่าง แต่ปัจจุบันการเมืองที่ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ทำให้คนชั้นล่างเปลี่ยนเป็นคนชั้นกลางระดับล่างที่มีค่าครองชีพสูงแต่รายได้ไม่มากนักโดยมีสัดส่วนถึง 40% ซึ่งอยู่ทั้งในชนบทและในเมือง ที่สำคัญคนเหล่านี้ได้เข้ามามีส่วนร่วมในนโยบายสาธารณะ ดังที่เห็นได้จากการเลือกตั้ง โดยที่พรรคการเมืองสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของคนเหล่านี้ได้ ในอนาคตพวกเขาเหล่านี้จะไม่ได้เรียกร้องแค่ความเท่าเทียมทางการเมืองแต่จะเรียกร้องเรื่องอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งจะทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นในสังคม ตนไม่แน่ใจว่า คนชั้นกลางจะยอมรับได้หรือไม่


ศาสตราจารย์นิธิ กล่าวว่า ทางออกของความตึงเครียดความไม่สมดุลนั้นไม่มีคำตอบที่สำเร็จรูป แต่สิ่งที่น่ากลัวและร้ายแรงคือ การนองเลือดที่ไม่จำเป็นและไม่มีเหตุผล และเราจะมีทางหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้หรือไม่ เพราะคนไทยจะฆ่ากันเองโดยไม่มีเหตุผลว่า ฆ่าทำไม สิ่งที่ต้องทำในขณะนี้คือ การลดปัจจัยการนองเลือดที่อาจจะมีขึ้นทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้น คือ การเพิ่มระบบการตรวจสอบการเมืองให้มากขึ้นโดยให้ประชนรู้สึกได้ว่ามีช่องทางในการตรวจสอบมากกว่าที่เป็นอยู่ เพิ่มพื้นที่การแสดงออกของประชาชน การออกกฎหมายชุมนุมในที่สาธารณะจะทำให้ประชาชนรู้สึกว่าหมดหนทางในการต่อสู้ซึ่งจะส่งผลให้ใช้วิธีนอกกฎหมายและความรุนแรงมากขึ้น ส่วนในระยะยาวจะต้องมีการสถาปนานิติรัฐให้มากขึ้น เน้นเรื่องรัฐสวัสดิการเพื่อเป็นหลักประกันให้กับประชาชนคนชั้นกลางระดับล่าง ให้การศึกษามากขึ้น

ที่มา : มติชนออนไลน์, 8 ตุลาคม 2552